วิธีออมเงินในยุคค่าครองชีพสูง ทริคง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้

วิธีออมเงินในยุคค่าครองชีพสูง ทริคง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้

ในยุคที่ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน หลายคนอาจรู้สึกว่า "การออมเงิน" เป็นเรื่องยาก แต่ความจริงแล้ว หากเรามีการวางแผนและใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม การออมเงินก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เราจะพาคุณไปรู้จักวิธีออมเงินง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้ พร้อมหลักการที่สามารถนำไปใช้ได้จริง จากการสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับเงินออมของบุคลากรในมหาวิทยาลัย โดยศูนย์วิชาการมหาวิทยาลัยแห่งความสุขกับการสร้างเสริมสุขภาพอย่างยั่งยืน สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 17,028 คน ในช่วงปี 2565-2567 พบว่า ในแต่ละเดือนบุคลากรยังมีการออมเงินอยู่ในระดับน้อย/ไม่มี เกินครึ่งของจำนวนทั้งหมด [1] โดยรายละเอียดมีดังนี้

ไม่มีเงินออม หรือมีเงินออมเพียงเล็กน้อย คิดเป็นร้อยละ 51.5 หมายความว่ากว่าครึ่งหนึ่งของบุคลากรมหาวิทยาลัยอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถออมเงินได้มากนัก อาจเกิดจากภาระค่าใช้จ่ายที่สูงเมื่อเทียบกับรายได้ เช่น ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น หนี้สิน หรือภาระทางการเงินอื่น ๆ

มีเงินออมในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 34.3 กลุ่มนี้สามารถออมเงินได้ในแต่ละเดือนในระดับที่พอสมควร อาจมีการบริหารจัดการรายรับ-รายจ่ายที่ดีขึ้น หรือมีรายได้ที่สอดคล้องกับค่าใช้จ่าย ทำให้สามารถกันเงินบางส่วนไว้สำหรับการออม

มีเงินออมมาก หรือมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 13.9 ถือเป็นกลุ่มที่สามารถออมเงินได้ดี อาจเกิดจากการมีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย มีวินัยทางการเงิน หรือมีแหล่งรายได้เสริมที่ช่วยให้สามารถออมเงินได้อย่างสม่ำเสมอ

จากผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า บุคลากรส่วนใหญ่ยังคงมีข้อจำกัดด้านการออม ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว หากต้องเผชิญกับสถานการณ์ฉุกเฉินหรือแผนการเงินเพื่ออนาคต การส่งเสริมความรู้ทางการเงินและการบริหารเงินอาจเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยให้สามารถออมเงินได้มากขึ้น

ทริคการออมเงินง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้ สามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของแต่ละคนกันได้เลย

1. วางแผนงบประมาณรายรับ-รายจ่าย
การจัดทำงบประมาณรายรับ-รายจ่ายเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ ลองใช้กฎ 50/30/20 [2]
• 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น
• 30% สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว
• 20% สำหรับการออมและการลงทุน

2. ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
ลองสำรวจรายจ่ายประจำของคุณ เช่น ค่าอาหารนอกบ้านหรือบริการสมัครสมาชิกที่ไม่ค่อยได้ใช้ ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกและนำเงินส่วนนั้นไปออมแทน เช่น การทำอาหารเองที่บ้านไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพ

3. ออมก่อนใช้เสมอ
หนึ่งในกฎทองของการออมเงินคือ "จ่ายให้ตัวเองก่อน" โดยกันเงินส่วนหนึ่งจากรายได้ทันทีที่ได้รับ เช่น ฝากเงิน 10-20% ของรายได้ในบัญชีออมทรัพย์ที่แยกออกจากบัญชีหลัก

4. ลงทุนเพิ่มมูลค่าเงินออม
ในยุคที่อัตราเงินเฟ้อสูง การเก็บเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์อาจไม่เพียงพอ ลองศึกษาการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเอง เช่น
• กองทุนรวม
• หุ้นปันผล
• ตราสารหนี้
การลงทุนเหล่านี้ช่วยเพิ่มมูลค่าเงินออมและสร้างความมั่นคงในระยะยาว

5. สร้างเป้าหมายที่ชัดเจน
การตั้งเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม เช่น การออมเพื่อซื้อบ้าน หรือการออมเพื่อท่องเที่ยว จะช่วยกระตุ้นให้คุณมีวินัยในการออมมากขึ้น

แม้ค่าครองชีพจะเพิ่มสูงขึ้น แต่การออมเงินยังคงเป็นเรื่องที่ทำได้ หากเรามีวินัยและใช้วิธีการที่เหมาะสม ลองนำทริคง่าย ๆ เหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน แล้วคุณจะพบว่า "การออมเงิน" เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวและทำได้จริง เริ่มต้นออมวันนี้ เพื่ออนาคตที่มั่นคงของคุณ

อ้างอิง
[1] ผลการสำรวจสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดี ปี 2565-2567 โครงการศูนย์วิชาการมหาวิทยาลัยแห่งความสุขกับการสร้างเสริมสุขภาพอย่างยั่งยืน สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
[2] Warren, E., & Tyagi, A. W. 2005. All Your Worth: The Ultimate Lifetime Money Plan. Free Press. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568